รู้จัก 6 พลังของการเป็นหัวหน้า ที่มีทักษะแบบ Generalist

ในยุคที่ความรู้เฉพาะด้านเปลี่ยนเร็ว หัวหน้าที่ “รู้รอบด้าน” คือหัวใจสำคัญในการพาทีมปรับตัวทัน สร้างคุณค่า และขับเคลื่อนองค์กรให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง

Last updated on ส.ค. 11, 2025

Posted on ส.ค. 11, 2025

หัวหน้าหลายคนอาจกังวลว่าการไม่ได้เป็นหัวหน้าที่มีทักษะเชี่ยวชาญลงลึกแบบ Specialist แล้วจะบริหารหรือดูแลทีมได้ไม่ดีพอ แต่ในความจริงแล้วการมีทักษะ Generalist มีความจำเป็นและสร้างพลังต่อองค์กรกับทีมได้ไม่แพ้กัน ซึ่งโดยส่วนใหญ่คนเป็น ‘หัวหน้า’ มีทักษะแบบ Generalist เป็นส่วนมาก 

จากผลสำรวจของ Harvard Business Review พบว่า ในกลุ่มผู้บริหารระดับ C-Suite จำนวน 17,000 คน มีจำนวนมากถึง 90% ในกลุ่ม ที่เป็นหัวหน้าแบบ Generalist 

มีบทความจาก Forbes โดยคุณ Heather V. MacArthur ที่พูดถึงทักษะของการเป็นหัวหน้าแบบ Generalist กล่าวว่า

“หัวหน้าแบบ Generalist มักจะสามารถเชื่อมโยงแนวคิดจากหลายด้านเข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว ไม่ใช่แค่พร้อมปรับตัวสำหรับการเปลี่ยนแปลง แต่ยังสามารถผลักดันทั้งองค์กรและทีมให้ก้าวหน้ามากขึ้นอีกด้วย”

นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งบทความจาก Big Think โดยคุณ Mansoor Soomro ผู้เขียนหนังสือ The Generalist Advantage ที่กล่าวว่า หัวหน้าแบบ Generalist จะสามารถเติบโตได้ดี เพราะเป็นคนที่เปิดกว้างรับอะไรใหม่ ๆ อยากลองอยากเรียนรู้ในสิ่งต่าง ๆ อยู่เสมอ 


“รู้รอบด้าน แม้ไม่รู้ลึก” ก็เป็นข้อได้เปรียบสำหรับลีดเดอร์

การรู้รอบด้านไม่ใช่ข้อเสียสำหรับหัวหน้า  ในทางกลับกันแล้วมีข้อได้เปรียบมากกว่าที่คิด คุณ Gareth Mandel ผู้บริหารระดับสูงที่เคยทำงานให้กับ eHarmony และ ParshipMeet ในระดับ C-suit ได้ชี้ว่า “การไม่ยึดติดกับอุตสาหกรรม, บริษัท หรือหน้าที่ใดหน้าที่หนึ่ง ทำให้เขาเป็นหัวหน้าแบบยืดหยุ่น เข้าใจคนมากขึ้น สามารถรับมือกับปัญหาและการตัดสินใจเรื่องยุ่งยากหลายเรื่องพร้อมกันได้"

และในบทความของ Financial Poise จากคุณ David Spitulnik กล่าวว่า “คนที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำ ควรมีความเข้าใจในส่วนอื่น ๆ ขององค์กรที่ไม่ใช่เพียงแค่ตำแหน่งของตัวเอง  เพราะแม้แต่บริษัทเล็ก ๆ ยังได้ประโยชน์จากการที่คนเรียนรู้และเข้าใจงานในหลายส่วนขององค์กร” นอกจากนี้หัวหน้าแบบ Generalist มักเปิดโอกาสให้ทีมเสมอ ในการแสดงความคิดเห็น ซึ่งส่งผลให้ทีมพัฒนาได้มากยิ่งขึ้น 


6 พลังของการเป็นหัวหน้าที่มีทักษะแบบ Generalist

1. เป็นชนวนจุดประกายความคิดใหม่ ๆ 

เนื่องจากทักษะเฉพาะตัวของหัวหน้าแบบ Generalist ใจกว้างเปิดรับทุกสิ่ง และหาจุดตรงกลางได้เสมอ ทีมจึงสบายใจ กล้านำเสนอแผนไอเดียใหม่ ๆ โดยไม่กล้วจะถูกมองข้าม ซึ่งทำให้เกิดนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่สร้างสรรค์และเป็นประโยชน์ เช่น ทีมอยากลองเปลี่ยนวิธีการโปรโมทจากการพิมพ์บทความเป็นการทำวิดีโอบนโซเชียลแทน ก็กล้าเสนอเต็มที่ เพราะยังไงหัวหน้าแบบ Generalist ก็จะไม่มองข้ามและส่งเสริมให้ทีมได้ทำอย่างแน่นอน

2. เป็นสะพานเชื่อมระหว่างการสื่อสาร 

แม้จะผสมผสานความคิดได้ แต่หากการสื่อสารติดขัด ก็อาจทำให้ผลลัพธ์ของงานนั้นไม่ออกมาดีเท่าที่ควร ซึ่งหัวหน้าแบบ Generalist จะสื่อสารได้มากกว่าแค่ภาษาเดียว ดังนั้นการการสื่อสารได้หลากหลายภาษาจะช่วยเข้าใจกันมากขึ้น โดยเฉพาะเวลาการคุยกันข้ามสายงาน เช่น หากทีมการตลาดและทีมกราฟิกสื่อสารกันไม่เข้าใจ หัวหน้าแบบ Generalist ก็จะเป็นตัวกลางคอยเชื่อมความต้องการของทั้งคู่ให้เข้าใจตรงกัน

3. เป็นสายตาที่มองการณ์ไกล

หากเป็นหัวหน้าแบบ Generalist ไม่ยากเลยที่จะมองได้ไกลกว่าคนอื่น ๆ เนื่องจากหัวหน้าจะมองเห็นภาพใหญ่และรู้ว่าสิ่งไหนที่คนอาจให้ความสนใจได้ในอนาคต เตรียมตัวให้พร้อม ลงมือทำมันได้ก่อน ทำให้สร้างความได้เปรียบได้การแข่งขันได้ เช่น หากอยากเพิ่มกลุ่มลูกค้าในวัย Gen Z ทางหัวหน้าแบบ Generalist อาจเริ่มศึกษาความสนใจของคนกลุ่มนี้ก่อน และปล่อยแคมเปญหรืองานต่าง ๆ มาเพื่อตอบโจทย์ได้ก่อนองค์กรอื่น

4. เป็นคนที่ปรับตัวได้ในทุกสถานการณ์ 

หนึ่งในทักษะของหัวหน้าแบบ Generalist คือการปรับตัวได้เร็ว ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน และยังคงดึงศักยภาพของตัวเองออกมาทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี บางครั้งอาจช่วยดึงศักยภาพให้ทีมพัฒนาอีกด้วย เช่น โดนย้ายมาดูแลโปรเจกต์ที่ไม่เคยทำมาก่อน ทางหัวหน้าแบบ Generalist ก็จะใช้เวลาในการศึกษาได้อย่างรวดเร็ว และเริ่มทำงานต่อได้ทันที หรืออาจเสนอไอเดียใหม่ ๆ ให้กับทีมสำหรับโปรเจกต์เพื่อเพิ่มความแปลกใหม่ให้แก่งานได้

5. เป็นตัวช่วยในการฝ่าวิกฤต  

หากเจอวิกฤตหรือช่วงที่ลำบากอาจก่อให้เกิดความกังวล หัวหน้าแบบ Generalist จะช่วยให้มองทางออก เปลี่ยนจากความเสี่ยงเป็นโอกาสในการทดลอง จึงเป็นโอกาสให้กล้าลองในสิ่งที่องค์กรอื่นยังไม่กล้าทำ เช่น ถ้าลูกค้าอยากขอเปลี่ยนคอนเซปต์ของงานก่อนเดดไลน์ไม่กี่วัน ทางหัวหน้าแบบ Generalist ก็จะดึงสติให้ทีม ช่วยเปลี่ยนมุมมองเป็นเชิงบวกมากกว่าเชิงลบ และหาทางออกในการทำงานครั้งนี้ได้อย่างใจเย็น 

6. เป็นคนสร้างวัฒนธรรมในการเรียนรู้

ทีมมักมองหัวหน้าเป็นต้นแบบ ถ้าหัวหน้าชอบทดลองสิ่งใหม่ ๆ  ก็จะส่งผลให้ทีมก้าวไปข้างหน้า และกล้าคิดกล้าทำมากขึ้น เมื่อมีใจที่เปิดกว้างต่อการเรียนรู้ ไม่จำกัดแค่หน้าที่ของใครของมัน ทุกคนจะเข้าใจภาพรวมของธุรกิจได้ดีขึ้น ตัดสินใจแม่นยำขึ้น เป็นทีมเวิร์คมากขึ้น เหมือนเติมกำลังใจต่อกัน เช่น  ฝ่ายบัญชีอยากรู้ว่าฝ่ายฝ่ายคอนเทนต์วางแผนยังไง ก็สามารถเข้าไปเรียนรู้ได้ ซึ่งทำให้งานมีประสิทธิภาพที่มากขึ้น และการตัดสินใจต่าง ๆ ก็ดีขึ้นด้วยเช่นกัน เพราะเข้าใจในมุมมอของอีกฝ่าย


หัวหน้าแบบ Generalist ก็มีข้อดีและข้อได้เปรียบมากมาย 

ในยุคที่ธุรกิจและเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การเป็นหัวหน้าแบบ Generalist ถือว่าเป็นพลังให้ทีมกับคนรอบข้างพร้อมยอมรับและตามมันได้ทัน ดังนั้นหากคุณไม่ใช่หัวหน้าที่ ‘รู้ลึก’ ก็ไม่เป็นไร เพราะพลังหัวหน้ายุคใหม่คือ “คนที่รู้ในเรื่องรอบด้าน”


เรียบเรียง: ธัญวรัตน์ ปกรณ์รัศมี

ที่มา

trending trending sports recipe

Share on

Tags