สรุป 7 เทรนด์โซเชียลมีเดียที่นักการตลาดต้องรู้ในปี 2026 โดย Sprout Social

โซเชียลมีเดียยุคใหม่ คนไม่ได้แค่อยากใช้ แต่อยากมีส่วนร่วมมากขึ้น สรุป 7 เทรนด์โซเชียลมีเดียปี 2026 ที่นักการตลาดต้องรู้ จาก Sprout Social

Last updated on ธ.ค. 28, 2025

Posted on ธ.ค. 28, 2025

ในปี 2025 นี้เป็นยุคที่โซเชียลมีเดียมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วที่สุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา 

และในปี 2026 ที่ใกล้เข้ามา จะเป็นปีที่นิยามรูปแบบต่าง ๆ ในโซเชียล, แพลตฟอร์มที่เกิดใหม่ที่ได้รับความสนใจ และอัลกอริทึมที่เปลี่ยนแปลงรูปแบบการเข้าถึง ได้ชัดเจนเพิ่มมากยิ่งขึ้น

จากรายงาน The 2025 Impact of Social Media Report โดย Sprout Social ได้รวบรวมข้อมูลการทำงานของโซเชียลมีเดีย และข้อมูลผู้บริโภค รวมถึงพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดโซเชียลมีเดียระดับสูง เพื่อรับคำแนะนำสำหรับนักการตลาดโซเชียล ซึ่งได้สรุปเทรนด์ของโซเชียลมีเดียที่ทุกคนควรรู้ในปี 2026 ไว้ 7 เทรนด์ด้วยกัน ประกอบด้วย 

1. คลิปวิดีโอยังคงเป็นเรื่องสำคัญ แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือ การเลือกใช้แพลตฟอร์ม

ปฏิเสธไม่ได้ว่าคลิปวิดีโอยังคงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญบนโซเชียลมีเดียในปีหน้าไม่ต่างจากปีนี้ เนื่องจากเป็นสิ่งที่มีอยู่ในแพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่คนมักใช้งาน เช่น TikTok, Instagram Reels, YouTube Shorts และรูปแบบวิดีโออื่น ๆ อย่าง LinkedIn และ Threads สิ่งเหล่านี้ยิ่งทำให้เนื้อหาแบบวิดีโอเป็นสิ่งที่ยังไม่ตาย และต้องให้ความสำคัญในทุกแพลตฟอร์ม 

เรื่องของความนิยมของคลิปสั้น (Short-form Content) กับคลิปยาว (Long-form Content) ก็ยังคงมีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะในแพลตฟอร์มต่าง ๆ ยังคงมีเนื้อหาทั้งสองรูปแบบเพื่อให้คนเลือกใช้ตามระยะเวลาของแพลตฟอร์มต่าง ๆ ซึ่งสำหรับคนทำธุรกิจหากเลือกแพลตฟอร์มให้ถูกที่ ก็จะส่งผลดีต่อธุรกิจหรือแบรนด์ได้ด้วยเช่นกัน

3 อันดับ แพลตฟอร์มที่สร้างผลกระทบทางธุรกิจมากที่สุดในปี 2025 

รวม 3 อันดับของแพลตฟอร์มต่าง ๆ ในแต่ละหมวด โดยแบ่งออกเป็น 4 หมวด ดังนี้

หมวดที่ 1: ภาพรวมทุกแบรนด์ (รวม ๆ ทุกอุตสาหกรรม) 

อันดับที่ 1 ➡️ Facebook 70%
อันดับที่ 2 ➡️ YouTube 68% 
อันดับที่ 3 ➡️ TikTok 63% 

หมวดที่ 2: แบรนด์ที่ขายให้คนทั่วไป (B2C) 

อันดับที่ 1 ➡️ Facebook 67%
อันดับที่ 2 ➡️ TikTok 63% 
อันดับที่ 3 ➡️ YouTube 61% 

หมวดที่ 3: แบรนด์ที่ขายให้บริษัท หรือองค์กร (B2B)

อันดับที่ 1 ➡️ LinkedIn 70%
อันดับที่ 2 ➡️ Facebook 59%
อันดับที่ 3 ➡️ YouTube 56%

หมวดที่ 4: แบรนด์ที่ขายได้ทั้งคนและองค์กร (B2Any)

อันดับที่ 1 ➡️ YouTube 75%
อันดับที่ 2 ➡️ Facebook 75%
อันดับที่ 3 ➡️ TikTok 70%

คุณ Tameka Bazile ผู้สร้างและรองผู้อำนวยการด้าน B2B Social and Content ที่ Business Insider กล่าวว่า “วิดีโอที่ออกแบบสำหรับโซเชียลจะยังคงเป็นแก่นสำคัญ แต่ผู้ชมกำลังแตกแขนงออกไปตามแพลตฟอร์มต่าง ๆ YouTube อยู่ในตำแหน่งที่พร้อมจะชนะทั้งสองด้าน ทั้งการดึงดูดผู้ชมจากการสตรีมในห้องนั่งเล่นและการเป็นผู้นำทางด้านวัฒนธรรมผู้สร้าง ทั้งสองด้านนี้จะช่วยทำให้ธุรกิจเติบโตต่อไป”


2. AI จะอยู่ในโซเชียลมากขึ้น และคนก็ต้องใช้ AI ให้เก่งขึ้นด้วย

อย่างที่ในปีนี้ทุกคนเห็นตรงกันว่าเทคโนโลยีอย่าง AI เข้ามาใกล้การทำงานมากยิ่งขึ้น และดูเหมือนในปี 2026 นี้ AI จะยิ่งเข้ามามีบทบาทมากขึ้นอีกสำหรับคนทำธุรกิจ และนักการตลาด ยิ่งไปกว่านั้นอาจจะมีคอนเทนต์ต่าง ๆ ที่ผลิตโดย AI มากขึ้น และจะกลายเป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องเจอ

จากรายงาน The 2025 AI Index Report ของ Stanford HAI ชี้ให้เห็นว่า 77% ของคนในประเทศไทยมองว่า AI มีข้อดีมากกว่าข้อเสีย อย่างไรก็ตามคนทำธุรกิจ หรือคนทำงานยังคงมีหน้าที่สำคัญ คือการตรวจสอบการทำงานของ AI ให้ดี เพราะถึงแม้ AI จะสามารถทำงานได้ดีแค่ไหน แต่หากเป็นงานที่ใช้วิธีการที่ซับซ้อน ความแม่นยำของ AI จะลดลงตามไปด้วย ดังนั้นสิ่งสำคัญคือ คนยังคงต้องเป็นคนควบคุมการทำงานของ AI อยู่ดี


3. คอนเทนต์ยุคใหม่ ไม่ใช่แค่ให้คนดูแล้วจบ แต่ต้องทำให้คนอยากกลับมาดูต่อเรื่อย ๆ 

อ้างอิงจาก The state of social media in 2025 ของ Sprout Social ซึ่งสำรวจผู้ใช้โซเชียลมีเดียกว่า 2,000 และเจาะลึกประเด็นต่าง ๆ เช่น คอนเทนต์แบบไหนดึงดูดความสนใจของผู้ชมมากที่สุด เพราะอะไร และดูว่ามีคำตอบแบบไหนบ้าง โดยมี 5 ผลโหวตสูงสุดที่ผู้ชมให้ความสนใจ คือ 

อันดับที่ 1 ➡️ คอนเทนต์ที่ทำให้คนดูรู้สึกมีส่วนร่วม 58%
อันดับที่ 2 ➡️ คอนเทนต์ซีรีส์เนื้อหาแบบของตัวเอง 57%
อันดับที่ 3 ➡️ คอนเทนต์ที่ทำร่วมกับแบรนด์อื่น 32%
อันดับที่ 4 ➡️ คอนเทนต์ที่ทำร่วมกับอินฟลูเอนเซอร์ 28%
อันดับที่ 5 ➡️ คอนเทนต์ที่มีการเล่นกับมีมไวรัลในตอนนั้น 25%

จะเห็นได้ว่า สองคำตอบที่ได้คะแนนใกล้กัน คือคอนเทนต์ที่ทำให้คนดูรู้สึกมีส่วนร่วม (58%) และคอนเทนต์ซีรีส์เนื้อหาแบบของตัวเอง (57%) ดังนั้นในมุมมองของแบรนด์ การสร้างซีรีส์เนื้อหาในแบบของตัวเองจะช่วยให้สามารถเจาะลึกลงไปในหัวข้อที่สำคัญที่ต้องการจะเล่าต่อผู้ชมได้มากยิ่งขึ้น และสามารถสร้างการเชื่อมต่อที่มีความหมายมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ผู้ชมอยากกลับมาดูตอนต่อไปอีกเรื่อย ๆ 


4. การอยู่รอดให้คนจดจำ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับปริมาณในการทำ แต่อยู่ที่โมเมนต์สำคัญที่ทำให้คนจำได้

ในปี 2024 ที่ผ่านมาหลายอุตสาหกรรม เช่น สื่อ, แฟชั่น, กีฬา และการพักผ่อน แสดงให้เห็นการอิ่มตัวทางโซเชียลมีเดียสูงขึ้นมาก เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงที่มีอย่างรวดเร็ว ทั้งเนื้อหาเคลื่อนไหวเร็วกว่าขึ้น และเทรนด์ที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว 

คุณ Greg Swan หุ้นส่วนอาวุโสจาก FINN Partners กล่าวว่า “ความอิ่มตัวเป็นสัญญาณ ไม่ใช่ให้กระชับในการทำสิ่งที่มีความหมายมากขึ้น ถ้าแบรนด์ของคุณหายไปจากโซเชียลพรุ่งนี้ ยังมีใครสังเกตไหม? ถ้าไม่มี ก็ถึงเวลาแล้วที่ต้องสร้างโมเมนต์ที่สำคัญ” 

นี่จึงเป็นสิ่งที่ยิ่งตอกย้ำให้แบรนด์ต่าง ๆ หันมาให้ความสำคัญกับการสื่อสารที่มีความหมายมากกว่าปริมาณ ด้วยการโพสต์ให้น้อยลง แต่มีความตั้งใจมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ผู้คนรู้สึกถูกเห็น และมีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้น 


5. ไม่ใช่แค่ฟังผู้ชม แต่ต้องทำให้ผู้ชมอยากมีส่วนร่วมมากขึ้น

ในปี 2026 การฟังผู้ชมอย่างเดียวไม่เพียงพออีกต่อไป แต่ต้องคาดการณ์สิ่งที่ผู้ชมอยากได้ให้เป็นด้วย จากเทรนด์ที่ 3 ของบทความที่ชี้ให้เห็นว่า ‘ผู้ชมชอบการได้มีส่วนร่วม’ ดังนั้นกลยุทธ์ที่ควรจะใช้คือการมุ่งเป้าให้ผู้ชมได้มีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้นบนโซเชียลมีเดีย ซึ่ง 5 อันดับจากผู้ชมที่บอกว่าอะไรทำให้แบรนด์โดดเด่นบนโซเชียลมีเดียมากที่สุด ประกอบด้วย 

อันดับที่ 1 ➡️ คุณภาพสินค้า และการบริการ
อันดับที่ 2 ➡️ คอนเทนต์มีความเป็นตัวเอง ไม่เลียนแบบ
อันดับที่ 3 ➡️ การมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า
อันดับที่ 4 ➡️ ความเร็วในการตอบลูกค้า
อันดับที่ 5 ➡️ เนื้อหาของคอนเทนต์ที่พนักงานโพสต์

เพื่อเติบโตบนโซเชียล แบรนด์ต้องไม่เพียงแค่ตอบกลับ แต่ต้องใส่ใจลูกค้า และวางแผนล่วงหน้า เพื่อติดตามอารมณ์ ความต้องการที่กำลังเกิดขึ้น และเติมช่องว่างเหล่านั้น ซึ่งจะช่วยสร้างชุมชนแบรนด์ที่แข็งแกร่งและภักดีมากขึ้น


6. อยากให้คนเชื่อใจ ต้องเริ่มจากเล่าเรื่องด้วยความจริงใจ และตรงไปตรงมา

การเล่าเรื่องที่จริงใจ และตรงไปตรงมาจะเป็นสิ่งที่พบเจอได้มากกว่าการตามเทรนด์โซเชียลโดยไม่คิด หรือตามสิ่งที่มาเร็วไปเร็ว เพราะผู้ใช้จะยึดติดกับสิ่งที่จับต้องได้จริงเพิ่มมากขึ้น ในยุคที่ผู้ใช้โซเชียลทุกคนสามารถแยกแยะได้เป็นอย่างดีว่าสิ่งไหนจริง สิ่งไหนไม่จริง นั่นทำให้การเล่าเรื่องอย่างจริงใจจะเป็นสิ่งที่จะมาแรงในปี 2026 

เมื่อเล่าเรื่องให้จริงใจแล้ว เรื่องราวต่าง ๆ ที่ส่งออกไปจะมีความหมายมากขึ้น และนั่นคือกลยุทธ์ที่ทรงพลังที่สุด ทั้งการเล่าเรื่องที่ลึกซึ้ง, การสร้างตัวละคร, และการร่วมงานกับผู้สร้างที่สะท้อนประสบการณ์จริง ซึ่งจะทำให้ลูกค้ารู้สึกเป็นส่วนหนึ่ง


7. อยากทำคอนเทนต์ให้น่าสนใจ ต้องเปลี่ยนจากแค่คนมองเห็น ให้เป็นคนอยากค้นหา

คนรุ่นใหม่ และการเข้ามาของ AI ทำให้การค้นหาในโซเชียลมีเดียกำลังเปลี่ยนไป เช่น จากเดิมที่ค้นหาใน Google เป็นหลักแต่ในทุกวันนี้เริ่มเปลี่ยนมาค้นหาจากแพลตฟอร์มอย่าง TikTok, Instagram หรือ YouTube แทน และผู้ใช้โซเชียลในยุคนี้ไม่ได้ค้นหาแค่เพื่อความบันเทิงเท่านั้น แต่ยังมองหาเนื้อหา หรือการรีวิวต่าง ๆ เพื่อช่วยในการตัดสินใจซื้อ เช่น วิธีใช้งาน, รีวิวสินค้า หรือการทดลองใช้ 

ดังนั้นสิ่งสำคัญคือต้อทำคอนเทนต์ให้น่าสนใจจนคนอยากค้นหา จากองค์ประกอบต่าง ๆ เพื่อเป็นการวางกลยุทธ์ในขั้นต่อไปในธุรกิจ


นี่คือแนวโน้มของเทรนด์การตลาดบนโซเชียลมีเดียหลายด้านที่จะเกิดขึ้นในปี 2026 ดังนั้นนักธุรกิจและคนทำงาน ควรวางแผนในการรับมือ และปรับตัวให้ทันก่อนการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่จะมาอีกครั้ง ในยุคที่โซเชียลมีเดียเริ่มหันมาสนใจสิ่งที่จริงใจ และมีความหมายมากกว่าที่เป็น หากนักการตลาดที่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ตั้งแต่ตอนนี้จะเป็นผู้กำหนดบทต่อไปของโซเชียล, การตลาด และธุรกิจในอนาคต


แปล เรียบเรียง: ธัญวรัตน์ ปกรณ์รัศมี

ที่มา

trending trending sports recipe

Share on

Tags