เรื่องเล่าหลังบ้านนวัตกรรมของ SAPPE The Innovative Spirit

เรื่องเล่าจาก “บ้านของนวัตกร” ที่จะทำให้คุณมองเครื่องดื่มเปลี่ยนไปตลอดกาล ทุกสูตรเครื่องดื่มของเซ็ปเป้ เริ่มต้นจากการฟังเสียงของผู้บริโภค แบรนด์ไทยที่ใช้พลังนวัตกรรมสร้างผลลัพธ์จริงให้ผู้บริโภคและโลกใบนี้

Last updated on ธ.ค. 14, 2025

Posted on ธ.ค. 14, 2025

เคยคิดไหมว่าน้ำหนึ่งขวดที่เราดื่มทุกวัน สามารถ “ทำให้ชีวิตเราดีขึ้น” ได้แค่ไหน?

คำตอบนี้มีอยู่ในบ้านที่ SAPPE เรียกว่า Home of Innovator พื้นที่ที่ไอเดีย ความตั้งใจ และความอยากทำสิ่งที่ดีกว่า มารวมตัวกันจนกลายเป็นเครื่องดื่มที่มีอิทธิพลต่อทั้งผู้บริโภค ชุมชน และโลกใบนี้

ที่นี่ นวัตกรรมไม่ใช่คำนามสวย ๆ แต่คือสิ่งที่คนทั้งองค์กร “ลงมือทำทุกวัน” ตั้งแต่ขั้นคิดค้น พัฒนาสูตร ออกแบบบรรจุภัณฑ์ ไปจนถึงการใช้พลังงานสะอาดในโรงงาน และการเติบโตไปพร้อมกับชุมชนรอบข้าง

จุดเริ่มต้นของความตั้งใจของคนกลุ่มเล็กๆ ที่สร้างผลกระทบใหญ่

จุดเริ่มต้นของทุกสูตรเครื่องดื่ม SAPPE ไม่ได้มาจากสูตรสำเร็จของอุตสาหกรรม แต่มาจากคำถามง่าย ๆ ว่า

“ผู้บริโภคต้องการอะไรในชีวิตประจำวัน?”

ทีม R&D บอกเล่าว่า พวกเขาทดลองซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อหาคำตอบที่สมดุลระหว่าง สุขภาพ ความอร่อย และความรับผิดชอบต่อโลก

ทุกครั้งที่มีสูตรใหม่เกิดขึ้น มันไม่ใช่เพราะอยากล้ำสมัย แต่เพราะ SAPPE เชื่อว่าคนเราควรเข้าถึงเครื่องดื่มที่ดีต่อร่างกายโดยไม่ต้องยอมแลกกับรสชาติที่รัก

วันนี้กว่า 33.6% ของพอร์ต SAPPE คือกลุ่ม Healthier Choice และบริษัทตั้งเป้าให้แตะ 50% ภายในปี 2573 แต่สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าตัวเลข คือความกล้าของ SAPPE ที่ปรับสูตร “ไม่เติมน้ำตาล” ตั้งแต่ก่อนมี “ภาษีความหวาน” เสียอีก

หลายแบรนด์อาจมองว่าสูตรสุขภาพ = เสี่ยงจะเสียลูกค้า แต่ SAPPE เลือกพิสูจน์ตรงกันข้ามด้วยรางวัลด้านรสชาติที่ได้รับอย่างต่อเนื่อง

เพราะสำหรับ SAPPE ความอร่อยไม่ใช่ทางเลือก แต่คือหัวใจของผลิตภัณฑ์ทุกขวด

ขวดที่ดีต่อโลก ต้องถูกออกแบบตั้งแต่วันแรก

บรรจุภัณฑ์ของ SAPPE ถูกออกแบบให้เป็น Eco Packaging ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ จากรายงานปี 2567 ทุกขวดใช้ PET 100% ทั้งฉลากและขวด เพื่อรองรับระบบรีไซเคิลเต็มวงจร

SAPPE ยังเดินหน้า “ลดการใช้ทรัพยากร” จริงจัง เช่น ลดน้ำหนักฝาขวด ช่วยลดพลาสติกได้ 63 ตันต่อปี, ใช้ฝาห่วง (Tethered Cap) ลดขยะได้กว่า 210 ล้านฝาต่อปี, เริ่มใช้พลาสติกรีไซเคิล rPET ในหลายผลิตภัณฑ์ พร้อมเตรียมเพิ่มสัดส่วนในปี 2568

นี่ไม่ใช่เทรนด์ แต่คือหลักคิดของแบรนด์ที่เชื่อว่า ขวดหนึ่งใบสามารถสร้างผลกระทบทั้งระบบได้

นอกจากนี้โรงงาน SAPPE ที่ลำลูกกาไม่ใช่แค่สายการผลิต แต่คือพื้นที่ทดลองพลังงานสะอาดระยะยาว ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา SAPPE ใช้ Solar Rooftop และ Solar Floating เพื่อทดแทนพลังงานดั้งเดิม ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

อีกก้าวสำคัญคือการเริ่มใช้ Energy Management System เพื่อให้ทุกการใช้พลังงานเกิดประสิทธิภาพสูงสุด และรองรับเป้าหมาย Net Zero ของประเทศไทยในอนาคต

SAPPE เชื่อว่า ถ้าจะทำเครื่องดื่มที่ดีต่อผู้คน การผลิตก็ต้องดีต่อโลกด้วย

นวัตกรรมที่เกิดขึ้นได้เพราะ SAPPE “สร้างด้วยกัน” ไม่ใช่ “สร้างคนเดียว

เบื้องหลังนวัตกรรมทุกอย่างคือความร่วมมือของคนจำนวนมาก SAPPE เชื่อในแนวคิด Co-Value Creation จึงทำงานกับชุมชน เกษตรกร มหาวิทยาลัย และองค์กรระดับโลกอย่างต่อเนื่อง

โครงการ “วานหว่านว่าน” และ “ความรู้สู่ชุมชน” คือรูปธรรมที่ช่วยยกระดับคุณภาพวัตถุดิบ พร้อมให้รายได้หมุนเวียนกลับสู่ชุมชน พร้อมกันนั้น SAPPE ยังสนับสนุนโรงพยาบาลรอบโรงงานกว่า 13 แห่ง และเข้าร่วมพันธมิตรสำคัญ เช่น UN Global Compact Network Thailand,สถาบันการจัดการบรรจุภัณฑ์และรีไซเคิลเพื่อสิ่งแวดล้อม (TIPMSE)  , WEPs ของ UN Women, เครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชัน CAC รวมถึงเวทีระดับโลกอย่าง Choose France Summit และ Global Summit of Women 2025

SAPPE ไม่ใช่แค่แบรนด์ แต่คือ “ระบบนิเวศแห่งการเติบโตอย่างยั่งยืน”

ผลิตภัณฑ์ SAPPE โดยเฉพาะแบรนด์ “โมกุ โมกุ” ส่งออกกว่า 100 ประเทศ และขายดีในตลาดสำคัญ เช่นฝรั่งเศส อังกฤษ เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย

ที่สำคัญ ทุกขวดผลิตจากโรงงานในอำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี และวุ้นมะพร้าวที่ใส่ในผลิตภัณฑ์ คือผลงานของเกษตรกรไทยที่กำลังเติบโตไปพร้อมกับ SAPPE นี่คือ Thai Pride ที่เดินทางไกลไปทั่วโลกในรูปแบบของเครื่องดื่มหนึ่งขวด

ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่า SAPPE ไม่เคยมองตัวเองเป็นแค่ “ผู้ผลิตเครื่องดื่ม” แต่เป็นผู้สร้างคุณภาพชีวิต ผ่านแนวคิดนวัตกรรมที่มีหัวใจเป็นศูนย์กลาง

เพราะสำหรับ SAPPE “เครื่องดื่มที่ดี…ควรทำให้ชีวิต และโลกใบนี้ ดีขึ้นได้จริง”

และบางที หลังจากนี้ เมื่อคุณหยิบเครื่องดื่มขึ้นมาสักขวด คุณอาจมองมันต่างไปจากเดิมตลอดกาล

trending trending sports recipe

Share on

Tags